รายการ สามวันสองคืนเครื่องบิน Thai Air Asia (FD)
กรุงเทพฯ – พนมเปญ – อนุสาวรีย์อิสรภาพ – วัดพนม – คุกตวลสเลง – พระบรมราชวังจตุมุขสิริมงคล – พระเจดีย์เงิน ตลาดชาทะไม - / L / D 04.15 am พร้อมกันที่สนามบินดอนเมือง อาคาร 1 ขาออก ชั้น 3 ประตู 1 เคาท์เตอร์สายการบินไทยแอร์เอเชียThai Air Asia (FD) โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก จะทำงานกับคณะครับ
07.10 น. ออกเดินทางสู่ เมืองพนมเปญ โดยเที่ยวบิน FD 608 (ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง กับ 15 นาที)
หมายเหตุ ในกรณีต้องการล็อกที่นั่งไปกลับค่าใช้จ่ายในการล็อกที่นั่งไปกลับ 200 บาท/ท่าน (ตั๋วเครื่องบินของคณะเป็นตั๋วกรุ๊ปแบบ Random ไม่สามารถล็อกที่นั่งได้ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขสายการบิน ในกรณีล็อกที่นั่ง กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่ ณ วันทำการจองทัวร์ครับ
08.25 น.เดินทางถึง สนามบินพนมเปญ ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (เวลาท้องถิ่นที่กัมพูชา เท่ากับประเทศไทย)
09.00 น.เดินทางถึง กรุงพนมเปญ เมืองหลวงของประเทศกัมพูชา ระยะทางประมาณ 15 ก.ม.
จากนั้น เดินทางถึง : อนุสาวรีย์อิสรภาพหรือ วิมานเอกราช(Independence Monument) อนุสาวรีย์เอกราชกัมพูชาสร้างขึ้นเมื่อปี 1958 เปรียบเสมือนดอกบัวขนาดใหญ่ที่บานอยู่ใจกลางกรุงพนมเปญเพื่อรำลึกถึงการหลุดพ้นจากการปกครองของฝรั่งเศส กัมพูชาอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสมาตั้งแต่ปี 1863-1953 เส้นทางสู่อิสรภาพของกัมพูชานั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะวีรบุรุษผู้กล้าหลายพันคนจำต้องสละชีวิตเพื่อแลกมา นอกจากนี้ อนุสาวรีย์แห่งนี้ยังเป็นอนุสรณ์ถึงชาวกัมพูชาทั้งหญิงและชายที่เสียสละชีวิตเพื่อชาติด้วย
07.10 น. ออกเดินทางสู่ เมืองพนมเปญ โดยเที่ยวบิน FD 608 (ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง กับ 15 นาที)
หมายเหตุ ในกรณีต้องการล็อกที่นั่งไปกลับค่าใช้จ่ายในการล็อกที่นั่งไปกลับ 200 บาท/ท่าน (ตั๋วเครื่องบินของคณะเป็นตั๋วกรุ๊ปแบบ Random ไม่สามารถล็อกที่นั่งได้ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขสายการบิน ในกรณีล็อกที่นั่ง กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่ ณ วันทำการจองทัวร์ครับ
08.25 น.เดินทางถึง สนามบินพนมเปญ ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (เวลาท้องถิ่นที่กัมพูชา เท่ากับประเทศไทย)
09.00 น.เดินทางถึง กรุงพนมเปญ เมืองหลวงของประเทศกัมพูชา ระยะทางประมาณ 15 ก.ม.
จากนั้น เดินทางถึง : อนุสาวรีย์อิสรภาพหรือ วิมานเอกราช(Independence Monument) อนุสาวรีย์เอกราชกัมพูชาสร้างขึ้นเมื่อปี 1958 เปรียบเสมือนดอกบัวขนาดใหญ่ที่บานอยู่ใจกลางกรุงพนมเปญเพื่อรำลึกถึงการหลุดพ้นจากการปกครองของฝรั่งเศส กัมพูชาอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสมาตั้งแต่ปี 1863-1953 เส้นทางสู่อิสรภาพของกัมพูชานั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะวีรบุรุษผู้กล้าหลายพันคนจำต้องสละชีวิตเพื่อแลกมา นอกจากนี้ อนุสาวรีย์แห่งนี้ยังเป็นอนุสรณ์ถึงชาวกัมพูชาทั้งหญิงและชายที่เสียสละชีวิตเพื่อชาติด้วย
รายการ สามวันสองคืนเครื่องบิน Thai Air Asia (FD)
กรุงเทพฯ – พนมเปญ – อนุสาวรีย์อิสรภาพ – วัดพนม – คุกตวลสเลง – พระบรมราชวังจตุมุขสิริมงคล – พระเจดีย์เงิน ตลาดชาทะไม - / L / D 04.15 am พร้อมกันที่สนามบินดอนเมือง อาคาร 1 ขาออก ชั้น 3 ประตู 1 เคาท์เตอร์สายการบินไทยแอร์เอเชียThai Air Asia (FD) โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก จะทำงานกับคณะครับ
07.10 น. ออกเดินทางสู่ เมืองพนมเปญ โดยเที่ยวบิน FD 608 (ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง กับ 15 นาที)
หมายเหตุ ในกรณีต้องการล็อกที่นั่งไปกลับค่าใช้จ่ายในการล็อกที่นั่งไปกลับ 200 บาท/ท่าน (ตั๋วเครื่องบินของคณะเป็นตั๋วกรุ๊ปแบบ Random ไม่สามารถล็อกที่นั่งได้ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขสายการบิน ในกรณีล็อกที่นั่ง กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่ ณ วันทำการจองทัวร์ครับ
08.25 น.เดินทางถึง สนามบินพนมเปญ ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (เวลาท้องถิ่นที่กัมพูชา เท่ากับประเทศไทย)
09.00 น.เดินทางถึง กรุงพนมเปญ เมืองหลวงของประเทศกัมพูชา ระยะทางประมาณ 15 ก.ม.
จากนั้น เดินทางถึง : อนุสาวรีย์อิสรภาพหรือ วิมานเอกราช(Independence Monument) อนุสาวรีย์เอกราชกัมพูชาสร้างขึ้นเมื่อปี 1958 เปรียบเสมือนดอกบัวขนาดใหญ่ที่บานอยู่ใจกลางกรุงพนมเปญเพื่อรำลึกถึงการหลุดพ้นจากการปกครองของฝรั่งเศส กัมพูชาอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสมาตั้งแต่ปี 1863-1953 เส้นทางสู่อิสรภาพของกัมพูชานั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะวีรบุรุษผู้กล้าหลายพันคนจำต้องสละชีวิตเพื่อแลกมา นอกจากนี้ อนุสาวรีย์แห่งนี้ยังเป็นอนุสรณ์ถึงชาวกัมพูชาทั้งหญิงและชายที่เสียสละชีวิตเพื่อชาติด้วย
จากนั้นเดินทางสู่ : วัดพนม(Phnom Temple)วัดพนมเป็นวัดที่สำคัญมาก ซึ่งกรุงพนมเปญก็มีที่มาจากวัดแห่งนี้ด้วย ดังมีตำนานพื้นบ้านกล่าวว่า เมื่อราวหกร้อยปีก่อน มีเศรษฐีนีชาวเขมรผู้หนึ่งชื่อเพ็ญ ได้ไปพบพระพุทธรูปน้ำพัดมาเกยฝั่งหลายองค์ นางมีศรัทธาแก่กล้าในพระศาสนา จึงได้สร้างวัดขึ้นบนยอดเขาที่อยู่ใกล้ๆ กันเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเหล่านั้น แม้เขาลูกนี้จะสูงเพียง 27 เมตร แต่ก็ถือเป็นเขาที่สูงที่สุดในละแวกนี้ จึงเรียกกันเรื่อยมาว่า "พนมเปญ" แปลว่า "เขายายเพ็ญ"
จากนั้น เดินทางถึง : คุกตวลสเลง(Tuol SalengGenocide Museum) "ตวลสเลง" เป็นชื่อของคุกสมัยที่เขมรแดงครองประเทศ ดั้งเดิมคุกนั้นเป็นโรงเรียนมาก่อน ตวลสเลง มีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า s-21 (Security Office 21) ใช้กักขังและขู่เข็ญคนที่คิดว่าเป็นศัตรู หรือเป็นกบฏต่อประเทศชาติและรัฐบาล ทุกภูมิภาค ทุกระดับชั้น รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ผู้ถูกคุมขังสารภาพผิด และลงท้ายด้วยการฆ่า จุดหมายปลายทางของนักโทษทุกคนในนี้ ทางเดียวที่จะออกไปจากคุกแห่งนี้คือ การสิ้นลมหายใจ แต่กว่าที่จะถึงเวลาได้ออกไปนั้นต้องเผชิญกับการกระทำที่ทารุณ โดยเหล่าบรรดานักโทษจะถูกทรมานด้วยวิธีการต่างๆ นาๆ
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อิ่มอร่อยกับบุฟเฟต์นานาชาติ (Tonlesap Restaurant)
07.10 น. ออกเดินทางสู่ เมืองพนมเปญ โดยเที่ยวบิน FD 608 (ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง กับ 15 นาที)
หมายเหตุ ในกรณีต้องการล็อกที่นั่งไปกลับค่าใช้จ่ายในการล็อกที่นั่งไปกลับ 200 บาท/ท่าน (ตั๋วเครื่องบินของคณะเป็นตั๋วกรุ๊ปแบบ Random ไม่สามารถล็อกที่นั่งได้ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขสายการบิน ในกรณีล็อกที่นั่ง กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่ ณ วันทำการจองทัวร์ครับ
08.25 น.เดินทางถึง สนามบินพนมเปญ ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (เวลาท้องถิ่นที่กัมพูชา เท่ากับประเทศไทย)
09.00 น.เดินทางถึง กรุงพนมเปญ เมืองหลวงของประเทศกัมพูชา ระยะทางประมาณ 15 ก.ม.
จากนั้น เดินทางถึง : อนุสาวรีย์อิสรภาพหรือ วิมานเอกราช(Independence Monument) อนุสาวรีย์เอกราชกัมพูชาสร้างขึ้นเมื่อปี 1958 เปรียบเสมือนดอกบัวขนาดใหญ่ที่บานอยู่ใจกลางกรุงพนมเปญเพื่อรำลึกถึงการหลุดพ้นจากการปกครองของฝรั่งเศส กัมพูชาอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสมาตั้งแต่ปี 1863-1953 เส้นทางสู่อิสรภาพของกัมพูชานั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะวีรบุรุษผู้กล้าหลายพันคนจำต้องสละชีวิตเพื่อแลกมา นอกจากนี้ อนุสาวรีย์แห่งนี้ยังเป็นอนุสรณ์ถึงชาวกัมพูชาทั้งหญิงและชายที่เสียสละชีวิตเพื่อชาติด้วย
จากนั้นเดินทางสู่ : วัดพนม(Phnom Temple)วัดพนมเป็นวัดที่สำคัญมาก ซึ่งกรุงพนมเปญก็มีที่มาจากวัดแห่งนี้ด้วย ดังมีตำนานพื้นบ้านกล่าวว่า เมื่อราวหกร้อยปีก่อน มีเศรษฐีนีชาวเขมรผู้หนึ่งชื่อเพ็ญ ได้ไปพบพระพุทธรูปน้ำพัดมาเกยฝั่งหลายองค์ นางมีศรัทธาแก่กล้าในพระศาสนา จึงได้สร้างวัดขึ้นบนยอดเขาที่อยู่ใกล้ๆ กันเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเหล่านั้น แม้เขาลูกนี้จะสูงเพียง 27 เมตร แต่ก็ถือเป็นเขาที่สูงที่สุดในละแวกนี้ จึงเรียกกันเรื่อยมาว่า "พนมเปญ" แปลว่า "เขายายเพ็ญ"
จากนั้น เดินทางถึง : คุกตวลสเลง(Tuol SalengGenocide Museum) "ตวลสเลง" เป็นชื่อของคุกสมัยที่เขมรแดงครองประเทศ ดั้งเดิมคุกนั้นเป็นโรงเรียนมาก่อน ตวลสเลง มีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า s-21 (Security Office 21) ใช้กักขังและขู่เข็ญคนที่คิดว่าเป็นศัตรู หรือเป็นกบฏต่อประเทศชาติและรัฐบาล ทุกภูมิภาค ทุกระดับชั้น รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ผู้ถูกคุมขังสารภาพผิด และลงท้ายด้วยการฆ่า จุดหมายปลายทางของนักโทษทุกคนในนี้ ทางเดียวที่จะออกไปจากคุกแห่งนี้คือ การสิ้นลมหายใจ แต่กว่าที่จะถึงเวลาได้ออกไปนั้นต้องเผชิญกับการกระทำที่ทารุณ โดยเหล่าบรรดานักโทษจะถูกทรมานด้วยวิธีการต่างๆ นาๆ
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อิ่มอร่อยกับบุฟเฟต์นานาชาติ (Tonlesap Restaurant)
จากนั้นเดินทางสู่ :
พระบรมราชวังจตุมุขสิริมงคล(Royal Palace Of Phnom Penh) พระบรมราชวังจตุมุขสิริมงคลเป็นกลุ่มอาคารพระราชมนเทียรของพระมหากษัตริย์กัมพูชา พระเจ้าแผ่นดินกัมพูชาเสด็จประทับที่นี้นับแต่แรกสร้างใน ค.ศ. 1866 และเสด็จไปประทับที่อื่นเมื่อบ้านเมืองวุ่นวายเพราะเขมรแดงเรืองอำนาจ ชาวไทยมักเรียกพระราชวังแห่งนี้ว่า "พระราชวังเขมรินทร์" พระบรมราชวังนี้สร้างขึ้นหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระนโรดม พรหมบริรักษ์ ทรงย้ายเมืองหลวงจากกรุงอุดง มายังกรุงพนมเปญในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 นำท่านสักการะ : พระเจดีย์เงินหรือ วัดพระแก้วเหตุที่เรียกว่า พระเจดีย์เงิน เพราะว่า พื้นของอาคารปูลาดด้วยแผ่นเงินกว่า 5,000 แผ่น แต่ละแผ่นหนักมากกว่า 1 กิโลกรัม รวมน้ำหนักทั้งสิ้น 5 ตัน แต่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในนาม "วัดพระแก้วเขมร" ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของกัมพูชาอยู่สององค์คือ พระแก้วมรกตสมัยศตวรรษที่ 17 และพระพุทธรูปทองที่หล่อด้วยทองคำบริสุทธิ์ 90 กิโลกรัม ประดับด้วยเพชร 9,548 เม็ด เม็ดที่ใหญ่ที่สุดหนักถึง 25 กะรัต
19.00น. บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (Soriya Restaurant) หลังอาหารนำท่านเดินช้อปปิ้ง ณ ตลาดชาทะไม อิสระให้ท่านได้เลือกชมเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองตามอัธยาศัย
นำท่านเข้าสู่ที่พัก 4 River HOTEL โรงแรมหรูหราระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า
19.00น. บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (Soriya Restaurant) หลังอาหารนำท่านเดินช้อปปิ้ง ณ ตลาดชาทะไม อิสระให้ท่านได้เลือกชมเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองตามอัธยาศัย
นำท่านเข้าสู่ที่พัก 4 River HOTEL โรงแรมหรูหราระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า
พนมเปญ •เสียมเรียบ • ล่องเรือโตนเลสาบ • ศาลองค์เจ๊ก • องค์จอม •ชมโชว์ระบำอัปสรา B / L / D เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นหลังอาหารเช้านำท่านเดินทางสู่ เมืองเสียมเรียบ ชมวิวทิวทัศน์และวิถีชีวิตชาวกัมพูชาระหว่างเส้นทาง (ระยะทาง 350 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง)
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (Arun Rath Restaurant)
จากนั้นเดินทางสู่: โตนเลสาบ (Tonle Sap Lake)นำท่านล่องเรือชม โตนเลสาบ หรือ ทะเลสาบเขมรเป็นทะเลสาบน้ำจืด ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางประเทศกัมพูชา มีพื้นที่ประมาณ 7500 ตารางกิโลเมตร ทะเลสาบเขมรเกิดจากแม่น้ำโขง ซึ่งแม่น้ำโขงไหลผ่านมีความยาวถึง 500 กิโลเมตร ครอบคลุมถึงพื้นที่ 5 จังหวัดของกัมพูชา ได้แก่ กำปงชนัง โพธิสัตว์ พระตะบอง และเสียมราฐ เป็นทะเลสาบที่มีปลาน้ำจืดชุกชุมมากแห่งหนึ่งประมาณ 300 ชนิด
จากนั้น นำทุกท่านกรายสักการะ ศาลองค์เจ๊ก องค์จอม ที่มีชื่อเสียงตั้งแต่สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ในสมัยนั้นองค์เจ๊ค องค์จอม มีความสามารถในเรื่องการรบเป็นอย่างมากเป็นที่เกรงขามของข้ำศึกศัตรู เป็นผู้ที่มีจิตใจงามเป็นอย่างมากในยามว่างเว้นจากศึกสงคราม หากมีนักโทษคนไหนที่ไม่ได้ทำความผิดที่ร้ายแรงมาก พระองค์ก็จะขออภัยโทษให้ จึงเป็นที่เคารพรัก นับถือของคนในเมืองเสียมเรียบเป็นอย่างมาก 400 ปีต่อมา กัมพูชาเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ และได้มีการศึกษาประวัติของเจ้าเจกและเจ้าจอม และเห็นว่าเป็นบุคคลตัวอย่างที่ประพฤติตนดีมาก จึงได้มีการสร้างรูปเคารพ
จากนั้นหลังอาหารเช้านำท่านเดินทางสู่ เมืองเสียมเรียบ ชมวิวทิวทัศน์และวิถีชีวิตชาวกัมพูชาระหว่างเส้นทาง (ระยะทาง 350 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง)
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (Arun Rath Restaurant)
จากนั้นเดินทางสู่: โตนเลสาบ (Tonle Sap Lake)นำท่านล่องเรือชม โตนเลสาบ หรือ ทะเลสาบเขมรเป็นทะเลสาบน้ำจืด ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางประเทศกัมพูชา มีพื้นที่ประมาณ 7500 ตารางกิโลเมตร ทะเลสาบเขมรเกิดจากแม่น้ำโขง ซึ่งแม่น้ำโขงไหลผ่านมีความยาวถึง 500 กิโลเมตร ครอบคลุมถึงพื้นที่ 5 จังหวัดของกัมพูชา ได้แก่ กำปงชนัง โพธิสัตว์ พระตะบอง และเสียมราฐ เป็นทะเลสาบที่มีปลาน้ำจืดชุกชุมมากแห่งหนึ่งประมาณ 300 ชนิด
จากนั้น นำทุกท่านกรายสักการะ ศาลองค์เจ๊ก องค์จอม ที่มีชื่อเสียงตั้งแต่สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ในสมัยนั้นองค์เจ๊ค องค์จอม มีความสามารถในเรื่องการรบเป็นอย่างมากเป็นที่เกรงขามของข้ำศึกศัตรู เป็นผู้ที่มีจิตใจงามเป็นอย่างมากในยามว่างเว้นจากศึกสงคราม หากมีนักโทษคนไหนที่ไม่ได้ทำความผิดที่ร้ายแรงมาก พระองค์ก็จะขออภัยโทษให้ จึงเป็นที่เคารพรัก นับถือของคนในเมืองเสียมเรียบเป็นอย่างมาก 400 ปีต่อมา กัมพูชาเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ และได้มีการศึกษาประวัติของเจ้าเจกและเจ้าจอม และเห็นว่าเป็นบุคคลตัวอย่างที่ประพฤติตนดีมาก จึงได้มีการสร้างรูปเคารพ
19.00น. บริการอาหารค่ำแบบบุฟเฟ่ต์ อิ่มอร่อยกับอาหารนานาชาติชนิดที่ (Tolemakong Restaurant)พร้อมชมโชว์การแสดงชุดระบำอัปสร ศิลปะพื้นเมืองของกัมพูชาที่เป็นการแสดงที่สวยงาม ให้ทุกท่านได้เก็บภาพเป็นที่ระลึกไว้เป็นความทรงจำ หลังอาหารนำท่านเดินช้อปปิ้ง ณ ตลาดซาจะ อิสระให้ท่านได้เลือกชมเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองเสียมเรียบตามอัธยาศัย
นำท่านเข้าสู่ที่พัก โรงแรมหรูหราระดับ 4 ดาว Sokha Roth HOTEL หรือเทียบเท่า
นำท่านเข้าสู่ที่พัก โรงแรมหรูหราระดับ 4 ดาว Sokha Roth HOTEL หรือเทียบเท่า
นครธม –ปราสาทบันทายศรี- ปราสาทบายน – ปราสาทตาพรหม – นครวัด -ตลาดซาจ๊ะ – สนามบินเสียมเรียบ – ดอนเมือง B / L / D เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นเดินทางสู่เมืองพระนครหรือนครธม ผ่านชมสะพานนาคราช เพื่อเข้าสู่เมืองนครธม ซึ่งเป็นสะพานที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 กษัตริย์เขมรใช้เป็นทางเสด็จผ่านเข้าออกเมืองนครธม ประตูเมือง ที่มียอดเป็นรูปพระโพธิสัตว์หันพระพักตร์ไปทั้ง 4 อาณาจักรเขมร สถาปนาขึ้นในปลายคริสต์ศวรรษที่ 12 โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ 9 ตารางกิโลเมตร อยู่ทางทิศเหนือของ นครวัด ภายในเมืองมีสิ่งก่อสร้างมากมายนับแต่สมัยแรกๆ นำทุกท่าน เข้าชมปราสาทบายน เป็นโบราณสถานที่สำคัญที่สุดเป็นลำดับที่สองที่ควรมาเที่ยวชมเมื่อมาเยือนอังกอร์ สร้างขึ้นเมื่อปลายคริสต์ศตวรรษที่ 12 ในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ปราสาทบายนสร้างขึ้นจากหินทรายและเป็นสัญลักษณ์ของเขาพระสุเมรุ เมื่อมองจากด้านนอก จะแลดูคล้ายกับเขาวงกต แต่ความจริงแล้ว ลักษณะของปราสาทบายนนั้นสร้างขึ้นตามแบบแผนของยันตระ ซึ่งเป็นเรขาคณิตของพุทธศาสนาของอินเดีย เป็นสัญลักษณ์ของมันดาล่า หรือรูปวงกลมอันเป็นสัญลักษณ์แทนจักรวาลและพลังศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาฮินดู เมื่อได้เข้าไปสัมผัสยังปราสาทแห่งนี้จะรู้สึกเหมือนมีคนคอยจ้องมองเราอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่ประทับใจของปราสาทแห่งนี้
จากนั้นนำท่านชม ปราสาทตาพรหม (Ta Prohm) เป็นปราสาทที่ถูกทิ้งร้างมานานถึง 500 ปี สร้างขึ้นในปี พศ.1729 เป็น ปราสาทหินในยุคสุดท้ายของอาณาจักรขอม สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ที่ทรงเลื่อมใสในพุทธศาสนา ปราสาทตาพรหมจึงเป็นทั้งปราสาทและวัดทางพุทธศาสนาไปในตัว ภายในปราสาทมีภาพแกะสลักอันเป็นเรื่องราวทางพุทธประวัติ นิกายมหายาน ทั้งหน้าบัน และทับหลัง แต่ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 8 ที่ทรงเลื่อมใสในศาสนาฮินดู ภาพสลักบางภาพได้ถูกดัดแปลงให้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาฮินดู ส่วนพระพุทธรูป ก็ถูกดัดแปลงให้เป็นศิวะลึงค์
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน บุฟเฟต์ (Tonlesap Restaurant) จากนั้นชมสิ่งมหัศจรรย์ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ปราสาทนครวัด ที่เปรียบเสมือนวิมานของเทพเจ้าสูงสุดที่บรรจงชะลอลงมาประดิษฐานไว้ในโลกมนุษย์และถือว่าเป็นสถานที่สุดยอดของการเดินทางไปในครั้งนี้ ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 1650-1720โดยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 โดยถวายเป็นพุทธบูชา ชมรูปสลักนางอัปสรนับหมื่นองค์ ชมภาพแกะสลักนูนต่ำ การกวนเกษียรสมุทร ซึ่งเป็นพิธีกรรมโบราณอันศักดิ์สิทธิ์น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ท่านจะได้ชมภาพการยกกองทัพของพระเจ้า สุริยวรมันที่ 1 โดยมีภาพกองทัพของเสียมกุก ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของพวกเราชาวไทยปรากฏอยู่
จากนั้นเดินทางสู่เมืองพระนครหรือนครธม ผ่านชมสะพานนาคราช เพื่อเข้าสู่เมืองนครธม ซึ่งเป็นสะพานที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 กษัตริย์เขมรใช้เป็นทางเสด็จผ่านเข้าออกเมืองนครธม ประตูเมือง ที่มียอดเป็นรูปพระโพธิสัตว์หันพระพักตร์ไปทั้ง 4 อาณาจักรเขมร สถาปนาขึ้นในปลายคริสต์ศวรรษที่ 12 โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ 9 ตารางกิโลเมตร อยู่ทางทิศเหนือของ นครวัด ภายในเมืองมีสิ่งก่อสร้างมากมายนับแต่สมัยแรกๆ นำทุกท่าน เข้าชมปราสาทบายน เป็นโบราณสถานที่สำคัญที่สุดเป็นลำดับที่สองที่ควรมาเที่ยวชมเมื่อมาเยือนอังกอร์ สร้างขึ้นเมื่อปลายคริสต์ศตวรรษที่ 12 ในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ปราสาทบายนสร้างขึ้นจากหินทรายและเป็นสัญลักษณ์ของเขาพระสุเมรุ เมื่อมองจากด้านนอก จะแลดูคล้ายกับเขาวงกต แต่ความจริงแล้ว ลักษณะของปราสาทบายนนั้นสร้างขึ้นตามแบบแผนของยันตระ ซึ่งเป็นเรขาคณิตของพุทธศาสนาของอินเดีย เป็นสัญลักษณ์ของมันดาล่า หรือรูปวงกลมอันเป็นสัญลักษณ์แทนจักรวาลและพลังศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาฮินดู เมื่อได้เข้าไปสัมผัสยังปราสาทแห่งนี้จะรู้สึกเหมือนมีคนคอยจ้องมองเราอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่ประทับใจของปราสาทแห่งนี้
จากนั้นนำท่านชม ปราสาทตาพรหม (Ta Prohm) เป็นปราสาทที่ถูกทิ้งร้างมานานถึง 500 ปี สร้างขึ้นในปี พศ.1729 เป็น ปราสาทหินในยุคสุดท้ายของอาณาจักรขอม สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ที่ทรงเลื่อมใสในพุทธศาสนา ปราสาทตาพรหมจึงเป็นทั้งปราสาทและวัดทางพุทธศาสนาไปในตัว ภายในปราสาทมีภาพแกะสลักอันเป็นเรื่องราวทางพุทธประวัติ นิกายมหายาน ทั้งหน้าบัน และทับหลัง แต่ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 8 ที่ทรงเลื่อมใสในศาสนาฮินดู ภาพสลักบางภาพได้ถูกดัดแปลงให้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาฮินดู ส่วนพระพุทธรูป ก็ถูกดัดแปลงให้เป็นศิวะลึงค์
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน บุฟเฟต์ (Tonlesap Restaurant) จากนั้นชมสิ่งมหัศจรรย์ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ปราสาทนครวัด ที่เปรียบเสมือนวิมานของเทพเจ้าสูงสุดที่บรรจงชะลอลงมาประดิษฐานไว้ในโลกมนุษย์และถือว่าเป็นสถานที่สุดยอดของการเดินทางไปในครั้งนี้ ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 1650-1720โดยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 โดยถวายเป็นพุทธบูชา ชมรูปสลักนางอัปสรนับหมื่นองค์ ชมภาพแกะสลักนูนต่ำ การกวนเกษียรสมุทร ซึ่งเป็นพิธีกรรมโบราณอันศักดิ์สิทธิ์น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ท่านจะได้ชมภาพการยกกองทัพของพระเจ้า สุริยวรมันที่ 1 โดยมีภาพกองทัพของเสียมกุก ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของพวกเราชาวไทยปรากฏอยู่
จากนั้นเดินทางชม ปราสาทบันทายศรี หรือเรียกตามสำเนียงกัมพูชาว่า บันเตียไสร หมายถึง ปราสาทสตรีหรือป้อมสตรี สร้างตอนปลายสมัยพระเจ้าราเชนทรวรมินทร์(พ.ศ.1510)เป็นปราสาทหลังเล็กๆกลุ่มหนึ่ง สร้างด้วยหินทรายสีชมพูแกะและสลักภาพนูนสูงได้อย่างสวยงามมากเป็นปราสาทหินที่ถือได้ว่างดงามที่สุดในประเทศกัมพูชา มีความกลมกลืนอย่างสมบูรณ์ และเป็นปราสาทแห่งเดียวที่สร้างเสร็จแล้วกว่า 1000 ปี แต่ลวดลายก็ยังมีความคมชัด เหมือนกับสร้างเสร็จใหม่ ๆ ปราสาทบันทายศรี มีความอ่อนช้อยงดงามช่างได้แกะสลักอย่างวิจิตบรรจงจนทำให้เหล่านางอัสราและเทพธิดาที่ประดับบนผนังดูเสมือนมีชีวิตจริงๆ จากนั้น นำทุกท่านเดินทางไป ช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมือง ตลาดซาจ๊ะ ชอปปิ้งสินค้าท้องถิ่น ของเมืองเสียมเรียบ ของตลาดซาจ๊ะก็ได้แก่ เสื้อผ้า กระเป๋า ผ้าทอ ของฝากพวกพวง กุญแจและอื่นๆ เครื่องเงิน อัญมณีและอื่นๆ อีกมากมายให้ทุกท่านได้ เลือกซื้อ ของฝากกลับเมืองไทย
เที่ยง บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร (Nearly Khmer Restaurant)
22.05 น. ออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสายการไทยแอร์เอเซีย เที่ยวบินที่ FD 619
23.10 น.เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ มากเลยทีเดียวครับ!
เที่ยง บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร (Nearly Khmer Restaurant)
22.05 น. ออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสายการไทยแอร์เอเซีย เที่ยวบินที่ FD 619
23.10 น.เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ มากเลยทีเดียวครับ!